ประวัติของ หลวงพ่อขุน พุทฺธสโร
ชาติภูมิ
หลวงพ่อขุน พุทฺธสโร มีนามเดิมว่า "ศิริ ปั้นปุย" เป็นบุตรคนที่ ๒ ของคุณพ่อแดง คุณแม่เพีย ปั้นปุย เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๔ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน มารดา บิดาของพระคุณท่านเดิมเป็นชาวบางขุนศรี ซึ่งแต่มาได้ย้ายมาทำมาหากินอยู่กับญาติซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของพระคุณท่าน อยู่ที่แขวงบางขุนศรี
พระคุณท่านมีพี่น้อง ๒ คนด้วยกัน คือ....
๑. นายแบน ปั้นปุย (ถึงแก่กรรม)
๒. หลวงพ่อขุน พุทฺธสโร
ปฐมวัย
ในวัยเด็กพระคุณท่านมีความใกล้ชิดพ่อแม่มากมีความเต็มใจที่จะรับใช้ทุกอย่างโดยไม่เกียจคร้าน ประกอบกับมีอุปนิสัยโอบอ้อมอารี มีเมตตาอ่านน้อมต่อผู้ใหญ่ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จึงเป็นที่รักและเอ็นดูของพ่อแม่และผู้ที่ได้พบเห็น เมื่ออายุครบกำหนดเกณฑ์การศึกษา บิดามารดาจึงได้ส่งไปเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมศึกษา วัดมะลิโดยเรียนกับหลวงปู่พลอย ชีวิตในวัยเด็กของพระคุณท่าน มีอุปนิสัยในทางเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่น และชอบฟังธรรมะ เมื่อมีเวลาว่างท่านมักจะไปวัดเสมอจนติดเป็นนิสัย ชอบอุปัฏฐากพระ มีบางครั้งพระคุณท่านได้หนีโรงเรียนไปอยู่วัด ท่านมีใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนามาแต่วัยเด็ก ในที่สุดเมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่สามท่านก็ไม่อยากจะเรียนต่อ แต่อยากจะศึกษาปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา จึงขออนุญาตให้บิดามารดานำไปฝากเป็นลูกศิษย์วัด
การบรรพชา
ด้วยความมานะพากเพียรศึกษา ประกอบกับความตั้งใจที่อยากจะบวชเรียน ในที่สุดพระคุณท่านก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรสมความตั้งใจพระพุทธศาสนาและปฏิบัติอุปัฏฐาก อุปัชฌาย์ อาจารย์ มิได้บกพร่องพระคุณท่านเป็นคนขยัน ละเอียด รอบคอบ ชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาแต่วัยเด็ก จึงเป็นที่รักของอุปัชฌาย์ อาจารย์ และเป็นที่น่าเลื่อมใสญาติโยมทั่วไป ต่อมาท่านก็ได้ลาสิกขาจากสามเณรไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
การอุปสมบท
เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดมะลิแขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๔ โดยมี พระครูภาวนาภิรมย์ วัดรัชฎาธิฐาน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการพลอย วัดมะลิ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระใบฎีกาพิมพ์ วัดมะลิ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายาว่า “พุทฺธสโร”
ในการอุปสมบทนี้ได้รับการแนะนำจากพระอธิการพลอย วัดมะลิประกอบกับพระคุณท่านมีใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาอยู่แต่เดิมแล้วได้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะบวชอุทิศพระพุทธศาสนา หลังจากท่านอุปสมบทแล้วก็ได้จำพรรษาอยู่วัดมะลิ และได้รับการถ่ายทอดวิชาหมอ หรือวิชาแพทย์แผนโบราณจากพระอธิการพลอยอย่างแตกฉาน สมตามความปรารถนาที่ท่านต้องการให้เพื่อนมนุษย์พ้นทุกข์ ภัย ไข้ เจ็บ ได้ช่วยเหลือรักษาผู้ได้รับทุกข์ ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ไกล ยากดีมีจน พระคุณท่านก็ได้ความเมตตาเสมอเหมือนกันทุกคน จนบรรเทาทุกข์และหายจากโรคภัยไข้เจ็บ นับเป็นจำนวนมากตั้งแต่บัดนั้นเรื่อยมา จนเป็นที่เคารพ-นับถือและเป็นที่พึ่งของประชาชนทั่วไป.
การศึกษา
พ.ศ. ๒๔๖๖ สำเร็จชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดช่างเหล็ก
พ.ศ. ๒๔๗๔ สำเร็จวิชาแพทย์แผนโบราณจากพระอธิการ พลอย
พ.ศ. ๒๔๘๔ สอบนักธรรมชั้นโทได้ ในสำนักเรียนวัดกาญจนสิงหาสน์
มรณภาพ
พระคุณท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดมะลิมาตั้งแต่อุปสมบทเป็นพระภิกษุจนถึงวันที่ ๑๕ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๗ วันเวลาแห่งชีวิตของหลวงพ่อก็มาบรรจบถึง มันเป็นเวลาของมนุษย์ในโลกนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ท่านได้เกิดอาพาธอย่างกะทันหันทั้ง ๆ ที่พระคุณท่านมีสุขภาพแข็งแรงดีทุกอย่าง คณะศิษย์จึงได้นิมนต์พระคุณท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา จนถึงวันที่ ๒๑ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๗ เวลา ๐๕.๕๐ น. พระคุณท่านก็จากเพื่อนมนุษย์ จากศิษย์รัก จากทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไปด้วยอาการสงบ ที่โรงพยาบาทแพทย์ปัญญาเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร นั้นเอง สิริรวมอายุได้ ๗๓ ปี ๑ เดือน ๒ วันและรวมเวลาที่พระคุณท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่ในพระบวรพุทธศาสนา ๕๓ พรรษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น